Monday, September 2, 2013

เม็กซิโกซิตี้...สีเขียว

เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองหลวงขนาดใหญ่ มีประชากรกว่า 21 ล้านคน จึงมีปัญหามลพิษทางอากาศและปัญหาการจราจรติดขัดให้น่าปวดหัวไม่แพ้เมืองใหญ่ใดๆ ในโลก

อย่างไรก็ดี เม็กซิโกซิตี้ก็มีโครงการที่น่าสนใจหลายโครงการที่อาจจะเป็นไอเดียใหม่ๆ ให้กับกรุงเทพมหานครของพวกเราได้บ้าง

1. "บริษัทกับสวนหน้าบ้าน"   กฎหมายเม็กซิโกได้บังคับให้บริษัทดูแลพื้นที่สีเขียว เช่น เกาะกลางถนน ซึ่งอยู่ตรงหน้าตึกออฟฟิศของตัวเอง โดยบริษัทที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่สีเขียวดังกล่าวก็จะมีสิทธิได้ตดป้ายโฆษณาชื่อบริษัทของตัวเองบนเกาะกลางถนนนั้น ...อีกหนึ่งแนวทางของ Corporate Social Responsability ที่น่าสนใจ  น่าจะเหมาะกับถนนสาทร สีลม รัชดา เป็นต้น 



2. "ระบบรถเมล์ช่องทางพิเศษ Metrobus" ในลักษณะเดียวกับเมืองต้นแบบ Bogota ของโคลัมเบีย และ Curitiba ของบราซิล เม็กซิโกซิตี้ได้เริ่มใช้ระบบรถเมล์ด่วนนี้ในปี 2005 โดยรถเมล์จะวิ่งในช่องทางพิเศษของตน ในเส้นทางสายหลักของเมือง  มีสถานีจุดเชื่อมต่อ และห้ามรถเมล์เล็กไปวิ่งในเลนของ Metrobus ซึ่งหลังจากที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก  ...จำได้ว่าสมัยอยู่มัธยมก็เคยเห็นเหมือนว่าจะมีการสร้างระบบรถเมล์ช่องพิเศษบนถนนลาดพร้าว เห็นถึงว่ามีการสร้างาสะพานลอยใหม่ ป้ายรถเมล์ใหม่ที่เกาะกลางถนนแล้วนะ  แล้วทำไมสุดท้ายโครงการก็เหมือนหยุดไปเฉยๆ ได้อนุสาวรีย์ปูนเพิ่มขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งอันแทน....  ในตอนนี้บ้านเราก็เร่งสร้างรถลอยฟ้า รถใต้ดินเพิ่มขึ้นกันอยู่ ซึ่งก็คงยังไม่เพียงพอ  จึงน่าจะคิดสร้างรถเมล์หรือรถรางบนดินเพิ่มขึ้นอีกชั้นด้วย ก็น่าจะดี

                                                                                          Cr: เว็บไซต์ Televisa

3. "จักรยาน ขี่ถึงไหน จอดที่นั่น"  เหมือนในเมืองในยุโรปหลายเมือง ต้นฉบับส่งตรงมาจาก Amsterdam  ขณะนี้ ระบบจักรยานสาธารณะก็ได้มาถึงเม็กซิโกซิตี้แล้ว  เพียงสมัครเป็นสมาชิก EcoBici ฟรี! คุณก็สามารถจับจักรยานจากสถานีไหนก็ได้ในเมือง แล้วก็ขี่ไปจอดที่สถานีไหนก็ได้เช่นกัน  อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีจักรยานแล้ว แต่เส้นทางจักรยานในเมืองเม็กซิโกซิตี้ก็ยังขาดแคลนอยู่มากนัก ทำให้คนขี่จักรยานไม่แข็งแรงอย่างเรา ยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะเปลี่ยนไปเป็น Generation Walk กับเค้า (ไม่แน่ใจว่ารู้จักคำว่า Generation Walk กันมั้ย สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รายการ วัฒนธรรมชุบแป้งทอด ตอน "Generation Walk" ;) )   ... ไม่แน่ใจว่า ไอเดียนี้จะเหมาะกับเมืองไทยที่มีอากาศร้อน แสงแดดแจดจ้าหรือไม่ แต่ก็เริ่มเห็นมีคนนิยมมาขี่่จักรยานกันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน คิดว่า น่าจะเหมาะหากบางเขตจะลองทำในพื้นที่ของตนที่ไม่ใช่ถนนใหญ่  เช่น โชคชัย 4  น่าจะลองทำเลนจักรยานให้คนได้ขี่ิไปตลาด ไปกินข้าว ไปร้านกาแฟ ไปซูเปอร์มาเก็ต กันได้ในละแวกใกล้ๆ



4. "จักรยานสีแดง...วันอาทิตย์"  ทุกวันอาทิตย์ ถนนสายหลักของเมือง Paseo de la Reforma (อารมณ์เดียวกับถนนราชดำเนิน) จะถูกเปลี่ยนจากถนนรถยนต์ กลายเป็นทุ่งจักรยานและถนนคนเดิน ตั้งแต่เวลา 8.00 - 14.00 น. การได้ปั่นจักรยานบนถนนกว้างกว่า 8 เลน ชื่นชมอนุสาวรีย์และตึกอาคารเก่าแก่ที่สวยงามไปตลอดทาง มันช่างเป็นห้วงเวลาที่สงบ สุข และผ่อนคลายจริงๆ 

                    Cr: Ciudadmexico.com.mx

5. "มีรถก็ไม่ใช่ว่าวิ่งได้ทุกวัน" มาตรการในการแก้ปัญหาจราจรทางหนึ่งของเม็กซิโกซิตี้ คือการห้ามรถบางประเภทวิ่งในบางวัน  โดยแบ่งตามอายุของรถ เช่น รถที่มีอายุมากกว่า 8 ปี ห้ามวิ่งในวันพุธ เป็นต้น   ไอเดียนี้ดีมั้ย?




Wednesday, August 7, 2013

แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในเม็กซิโก

วันนี้ขอทำตัวเป็นไกด์ Lonely Planet แนะนำเส้นทางท่องเที่ยวในเม็กซิโก ตามจำนวนวันที่นักท่องเที่ยวมี

1. เม็กซิโกใน 3 วัน

บางคนวางแผนท่องเที่ยวสไตล์ Combo "สหรัฐอเมริกา + เม็กซิโก"  จึงมีวันที่เจียดมาให้เม็กซิโกได้เพียง 3-4 วัน ในสถานการณ์เช่นนี้ คงจะต้องเลือกแล้วระหว่าง "เม็กซิโกซิตี้" หรือ " แคนคูน/ ทะเลแคริบเบียน" (จะเก็บเธอไว้สองคนคงไม่ได้...แป๊ก!) หากคุณสนใจด้านวัฒนธรรม อยากสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของคนเม็กซิกันจริงๆ ก็จะต้องมาเม็กซิโกซิตี้  แต่หากทะเลสีฟ้า หาดทรายสีขาว น้ำทะเลใสๆ คือสิ่งที่คุณโหยหา ก็จองตั๋วเครื่องบินจากแอล.เอ. ตรงไปที่แคนคูนได้เลยจ้า :D

2. เม็กซิโกใน 7 วัน

ก็คือรวมเม็กซิโกซิตี้และแคนคูนเข้าด้วยกัน จะได้ทั้งท่องวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สวยงามของเม็กซิโกอย่างเต็มอิ่ม มักมีไฟลท์บินตรงจากสหรัฐอเมริกาหรือยุโรปไปที่แคนคูน เพราะฉะนั้น จะเที่ยวเม็กซิโกซิตี้ ต่อด้วยแคนคูน หรือแคนคูนต่อด้วยเม็กซิโกซิตี้ก็ได้จ้า  แต่ส่วนตัว คิดว่า เที่ยวเมือง ใช้กำลังขาและสมองเยอะ แล้วค่อยมาชิลล์ต่อที่แคนคูนน่าจะลงตัวกว่า

3. เม็กซิโกมากกว่า 7 วัน
เม็กซิโกกับเมืองไทยมีความคล้ายคลึงกันในความหลากหลายของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ  ดังนั้น ถ้าคุณมีเวลามากกว่า 7 วัน อาจพิจารณาเพิ่มเติมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีก เช่น
- Oaxaca  เมือง Oaxaca มีความสวยงามสไตล์โคโลเนียล และไม่ไกลจากตัวเมือง ก็จะมีพีระมิด Monte Alban เป็นพีระมิดรุ่นแรกๆ ในภูมิภาคอเมริกากลาง มีบ่อน้ำแร่ร้อน Hierve el Agua  น้ำตก Santiago de Apoala

- Chiapas สามารถเป็นทริปต่อจากแคนคูนได้ นั่งรถบัสต่อไปประมาณ 1 คืน หรือนั่งเครื่องบินก็น่าจะได้ เป็นพื้นที่ป่าชื้นที่อุดมสมบูรณ์ มีพีระมิด เช่น Palenque ซึ่งให้บรรยากาศการผจญภัยเหมือนอยู่ในเกมส์ Tomb Raider เมืองโคโลเนียล San Cristobal de las Casas หุบผาแคนยอน Sumidero ทะเลสาบ Montebello
สถานที่ท่องเที่ยวใน Chiapas ค่อนข้างห่างไกล จึงต้องมีเวลามากพอสมควร

-  เมืองอื่นๆ ใกล้เม็กซิโกซิตี้ เช่น Guanajuato  Puebla  Guadalajara ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน

สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางภาคเหนือของเม็กซิโก ผู้เขียนยังไม่ค่อยได้ไปสำรวจมาก จึงยังขอไม่เขียนถึง ณ ที่นี้ นะคะ

สำหรับวันนี้ ขอให้เป็นน้ำจิ้มเท่านี้ก่อนนะคะ พร้อมรูปภาพสวยๆ จากช่างภาพฝีมือฉมังประจำกรุงเม็กซิโก แล้วจะมาเล่าเจาะลึกการผจญภัยในแต่ละสถานที่ในวันต่อๆ ไปนะคะ

ณ จตุรัส Zocalo ใจกลางกรุงเม็กซิโก และวิววิหาร Cathedral Metropolitana 
ที่เม็กซิโกก็มีตุ๊กตุ๊กไว้บริการนักท่องเที่ยวเหมือนกัน
                           Photo by Po-Ngern Rattanachote




ณ อุทยานทางทะเล Sian Ka'an ไม่ไกลจาก Cancun 
สถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่มันคือ...สวรรค์บนดิน 
                                               Photo by NailaFasai


Thursday, July 25, 2013

เม็กซิโก...มายังไง

                                                                                                                              ที่มา World Factbook

เม็กซิโกอยู่ใต้เมืองลอสแอนเจอลิส สหรัฐอเมริกามานิดเดียว แต่ที่ลอสแอนเจอลิส มีคนไทยอยู่ประมาณ 200,000 คน (จนคนพูดกันว่าเป็นจังหวัดที่ 78 ของไทย) แต่เม็กซิโกมีคนไทยอยู่ไม่เกิน 100 คนได้  จำนวนนักท่องเที่ยวคงไม่ต้องพูดถึง ไม่แน่ใจว่าในแต่ละปี มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเยือนเม็กซิโกถึง 1,000 คน หรือไม่ (ในขณะที่ชาวเม็กซิกันเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยประมาณปีละ 10,000 คน ...ก็ยังถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมากอยู่ดี)

ระยะทางคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ใครๆ หลายๆ คนถอดใจ มองข้ามเม็กซิโก ไป แต่จริงๆ แล้ว เม็กซิโกไม่ได้ไกลอย่างที่คิดเลย...แค่หลับ 2 ตื่น ก็ถึงแล้ว (คิดบวก)

เรามาดูกันดีกว่าว่า มาเม็กซิโก...เค้ามากันยังไง

ก็ต้องมาด้วยเครื่องบินสิ จะบินผ่านสหรัฐอเมริกา หรือผ่านยุโรป ก็ได้ ก็จะมาถึงเม็กซิโกที่อยู่อีกฟากของลูกโลกพอดิบพอดี ข้อดีของเส้นทางที่บินผ่านสหรัฐอเมริกา (เช่น กรุงเทพฯ-โตเกียว-ลอสแอนเจอลิส-เม็กซิโก) คือ โดยทั่วไป ราคาตั๋วเครื่องบินจะถูกกว่า (เช่น Cathay Pacific KoreanAir China Airlines) แต่ข้อเสีย คือ ความวุ่นวายซับซ้อนของการเปลี่ยนเครื่องที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งหลายคนบ่นอุบไปตามๆ กัน
หากเดินทางผ่านยุโรป (เช่น กรุงเทพฯ-แฟรงเฟิร์ต-เม็กซิโกซิตี้) ข้อดี คือ เปลี่ยนเครื่องแค่ครั้งเดียว ขั้นตอนกระบวนการที่สนามบินไม่ยุ่งยากน่าปวดหัวเหมือนที่สหรัฐอเมริกา แต่ข้อเสียก็คือ ราคามาตรฐานยุโรป คือแพงนั่นเอง

อีกทางเลือกหนึ่ง คือ สายการบินแห่งชาติของเม็กซิโกชื่อ AeroMexico ซึ่งมีเที่ยวบินตรงจากโตเกียว และเซี่ยงไฮ้ แต่ราคาค่อนข้างแพงอยู่เหมือนกัน และเครื่องก็ค่อนข้างเก่าพอสมควร...

ราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ต่ำสุดที่เคยเห็นจาก www.cheaptickets.com  คือ ประมาณ 42,000 บาท จริงๆ ก็ไม่ต่างจากราคาตั๋วไปยุโรปเท่าไหร่เลยนา และถ้ามาคิดรวมกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะต้องใช้ในเม็กซิโกแล้ว สุดท้ายงบท่องเที่ยวเม็กซิโกอาจจะถูกกว่าการเดินทางไปท่องเที่ยวยุโรปอีกก็เป็นได้ (พยายามขายทัวร์สุดๆ)

ขอแถมเรื่องวีซ่านิดนึงว่า สำหรับคนไทย หากมีวีซ่าอเมริกาแล้ว ก็สามารถเดินทางเข้าเม็กซิโกได้เลย โดยไม่ต้องขอวีซ่าเม็กซิกันอีก ดังนั้น หากท่านจะเดินทางผ่านสหรัฐอเมริกาอยู่แล้ว ก็ขอวีซ่าอเมริกาเพียงอย่างเดียว แล้วก็บินลัดฟ้า (มาหารัก) ที่เม็กซิโกได้เลย แต่หากท่านบินผ่านยุโรป ก็จะต้องขอวีซ่าเม็กซิโก (แนะนำให้บินผ่านสนามบินแฟรงเฟิร์ต เนื่องจากคนไทยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า transit ของเยอรมัน)

มีตั๋วและวีซ่าพร้อมแล้ว รัดเข็มขัด...ลัดฟ้าสู่เม็กซิโก กันได้เลย!  .........ZzzZZzzZZzzzz....................ZZZzzzZZzzzzz........   ใช้เวลาบินทั้งหมดประมาณ 23-30 ชั่วโมง บอกแล้ว...แค่นอนสองตื่น ก็ถึงเม็กซิโกแล้ว! =D