Saturday, July 14, 2012




Hola Mexico Lindo! เป็นเวลา ๓ สัปดาห์ แล้วที่ได้เดินทางมาถึงเม็กซิโก และได้พบกับทั้งเม็กซิโกที่คุ้นเคย และเม็กซิโกที่ไม่เคยรู้จักหรือไม่คาดคิดไว้

เมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ได้มีโอกาสมาเที่ยวเม็กซิโกกับเพื่อนสาว ๒ คน ทริปนั้นเป็นหนึ่งในทริปที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ และเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อยากกลับมาที่นี่อีกครั้ง พวกเรา ๓ สาว (ทำเป็น)ลืมความน่ากลัวและอันตรายของเมืองเม็กซิโกไว้ชั่วขณะ และแบกเป้ตะลุยกันแบบไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น เราพักกันในย่านใจกลางเมืองซึ่งเป็นย่านประวัติศาสตร์ด้วย เรียกว่า Zocalo ผู้คนพลุกพล่าน เสียงดังวุ่นวายตลอดเวลา ชิมข้าวแกงในตลาด เดินสัมผัสบรรยากาศถนนยามค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยของขายมากมาย โดยเฉพาะซีดีเถื่อน ด้วยใจตุ้มๆต่อมๆเหมือนกัน รับน้ำใจไมตรีของพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารที่ริน Tequila ให้พวกเราดื่มฟรีๆ แม้เมืองจะวุ่นวาย แต่ด้วยน้ำจิตน้ำใจไมตรีของผู้คนเม็กซิโกที่เราได้พบ และเสียงเพลงซัลซ่าที่ดังคลออยู่ตลอดการเดินทางในท้องถนน (หรือแม้แต่ในทะเล) จึงทำให้ฉันตัดสินใจกลับมาที่นี่อีกครั้ง 

ครั้งนี้ไม่ได้มาเที่ยวแล้ว แต่มาทำงานเป็นเวลาถึง ๔ ปี และเม็กซิโกที่ฉันได้พบในครั้งนี้ ก็ต่างไปจากเม็กซิโกเมื่อ ๖ ปีที่แล้วอยู่เหมือนกัน

เพราะครั้งนี้มาอยู่ย่านหรูชื่อ Polanco เมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ยังเป็นนักเรียนแบกเป้เที่ยว เลยอยู่ Zocalo ใจกลางเมือง อากาศที่เจอครั้งนี้เย็นเลยแหละ สงสัยเพราะครั้งที่แล้วมาช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อนของที่นี่ แล้วเค้าบอกว่า Polanco อยู่บนเขาเลยเย็นกว่าใจกลางเมือง คือเวลาขับรถลงจากดอยไปกลางเมือง หรือข้ามไปสนามบิน ก็จะได้รู้สึกทั้งอากาศที่เปลี่ยนไป มลพิษที่เพิ่มขึ้น และสภาพบ้านเมืองที่โทรมและวุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ

 Mexico ก็คงเหมือนเมืองใหญ่ๆ ในประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ (หรือแม้แต่ในประเทศพัฒนาแล้ว) คือมีทั้งย่านหรู และย่านโทรม สลับกันอยู่ เหมือนมีสวรรค์และนรกอยู่ใกล้ๆ กัน น่าเศร้าเหมือนกันเวลาเห็นว่าสังคมที่นี่แบ่งชนชั้นกันมาก มีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่สามารถใช้บ่งบอกได้ว่าคนนี้อยู่ในบันไดขั้นไหนของสังคม แต่เมืองไทยก็ไม่ได้ดีกว่าซักเท่าไหร่ หรืออาจจะเหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมและทำให้ประทับใจเสมอมา ก็คือน้ำจิตน้ำใจของคนเม็กซิกัน ที่จะเป็นคนอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด นิสัยคล้ายคนไทยมาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หรือเข้าใจหรือไม่เข้าใจ คนเม็กซิกันก็จะฉีกยิ้มให้เสมอ และพูดว่า "esta bien" ในเวอร์ชั่นไทย ก็จะเป็นยิ้มสยามของคนไทยกับคำพูดติดปากว่า "ไม่เป็นไร" นั่นเอง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไทยกับเม็กซิโกเหมือนกันมาก คงจะได้เขียนเรื่องความเหมือนของ "พี่น้องร่วมเส้นศูนย์สูตร" คู่นี้อีกหลายตอน แล้วรอติดตามอ่านกันนะคะ 

เรื่องอื่นๆ ที่คิดว่าอยากเขียนเล่าสู่กันฟัง ก็คงมีเรื่องอาหารการกิน (อันนี้พลาดไม่ได้) ย่านต่างๆ ในเม็กซิโกซิตี้ พิพิธภัณฑ์ในเมืองที่มีเป็นร้อยแห่ง เม็กซิโกซิตี้เป็นเมืองที่มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นต้องมีของแปลกให้ค้นพบเยอะแน่ๆ :) วิธีการตั้งชื่อถนน ตั้งชื่อโรงเรียน การเมืองเม็กซิโก (ควันหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งพึ่งมีไปเมื่อ ๑ ก.ค.) "yoga vs. salsa" และย่าน Coyoacan ซึ่งมีบ้านของ Frida Kahlo ตั้งอยู่

หวังว่าเพื่อนๆ ที่ได้อ่านบล็อคนี้ จะได้รู้จักเม็กซิโก ในมุมมองที่แตกต่างไปจากภาพเม็กซิโกในข่าวบ้าง ซึ่งคงหนีไม่พ้น เรื่องความไม่ปลอดภัยและมาเฟียยาเสพติด แถมไม่นานมานี้ยังมีเรื่องแผ่นดินไหว ภูเขาไฟปะทุ และไข้หวัดนกมาช่วยสร้างความน่าสะพรึงกลัวให้กับดินแดนแห่งนี้อีก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ต้องขอบอกว่า "ชีวิตจริงดีกว่าในนิยาย (ซึ่งกำกับโดยประเทศมหาอำนาจ จุด จุด จุด)" เยอะมากค่ะ :D

!Bienvenidos A Mexico!

4 comments:

  1. esta bien :) ภาษาไทยวันละคำคือ: วุ่นวาย

    ReplyDelete
    Replies
    1. วุ่นวายแบบชิลล์ๆ ;)

      Delete
  2. รออ่านนะจ๊ะ แปะรูปให้ดูด้วย อยากเห็นๆ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบพระคุณมากค่ะพี่ซินที่แวะมาทักทาย เด๋วเข้าไปชมของพี่ซินบ้างดีกว่า :D

      Delete