Saturday, August 4, 2012

Museum of Anthropology ภาค 1 - Teotihuacan

คุณรู้หรือไม่ว่า กรุงเม็กซิโกมีพิพิธภัณฑ์ถึงกว่า 150 แห่ง ถือเป็นเมืองที่มีจำนวนพิพิธภัณฑ์มากเป็นอันดับสองของโลก รองจากปารีสเพียงเท่านั้น

วันอาทิตย์อากาศดีๆ แถมพิพิธภัณฑ์เข้าฟรี เลยต้องถือโอกาสไปเยี่ยมเยียนพิพิธภัณฑ์ชื่อดังของเม็กซิโกซะหน่อย

พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาแห่งชาติของเม็กซิโก (National Museum of Anthropology) ตั้งอยู่ตรงข้ามสวนสาธารณะหลักของเมือง Chapultepec และก็ล้อมรอบด้วยพื้นที่สีเขียวอื่นๆ อีก บรรยากาศเหมาะกับการพาครอบครัวมาพักผ่อนวันอาทิตย์แบบชิวล์ๆ มาก




เมื่อเดินเข้าสู่ห้องโถงทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ แหงนมองไปรอบตัวก็จะพบกับข้อความสลักบนฝาผนังที่อ่านแล้วก็คิดว่านี่แหละคือความสำคัญของประวัติศาสตร์ และการมีพิพิธภัณฑ์ดีๆ แบบนี้ไว้สอนประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลัง (แต่ก็ต้องสอนแบบถูกต้องด้วยเนอะ แบบถูกต้องคืออย่างไร อันนี้คงโต้วาทีกันได้อีกนานนน ;) )

"El pueblo mexicano levanta este monumento en honor de las admirables culturas que florecieron durante la era precolumbiana en regiones que son ahora territorio de la Republica.
Frente a los testimonios de aquellas culturas, el Mexico de hoy rinde homenaje al Mexico indigena en cuyo ejemplo reconoce caracteristicas esenciales de su originalidad nacional"
ชาวเม็กซิกันได้สร้างพิพิธภัณฑ์นี้ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่อารยธรรมซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองในดินแดนนี้ ก่อนยุคการเข้ามาของสเปน ชาวเม็กซิกันยุคปัจจุบันขอแสดงความเคารพแด่ "เม็กซิโกในอดีต" สำหรับมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้ถ่ายทอดให้มาและช่วยสร้างเอกลักษณ์ประจำชาติให้กับ "เม็กซิโกยุคปัจจุบัน"

อีกผนังหนึ่งเขียนไว้ว่า 
"Valor y Confianza ante el porvenir hallan los pueblos en la grandeza de su pasado mexicano. Contemplate en el espejo de esa grandeza comprueba aqui extranjero la unidad del destino humano. Pasan las civilizaciones pero en los hombres quedara siempre la gloria de que otros hombres haya luchado para erigirlas."
"ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในอดีตคือ พลังสำคัญในการสร้างความกล้าหาญและความเชื่อมั่นให้กับมนุษย์ต่ออนาคตข้างหน้า อารยธรรมต่างๆ มีเกิดก็มีดับสลับกันไป แต่ความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในอดีตที่ได้ทุ่มเทสร้างอารยธรรมเหล่านั้นขึ้นมา จะอยู่ในความทรงจำของมนุษย์ทุกยุคทุกสมัยเสมอไป"


พิพิธภัณฑ์สร้างเป็นตึกสองชั้นเรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผินผ้า ตรงกลางเป็นลานโล่งให้คนนั่งพักผ่อนได้ หากจะดูทุกห้อง คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันเต็มๆ  วันนี้จึงขอเลือกเข้าห้องที่สำคัญที่สุด ๓ ห้องเท่านั้น ที่จัดแสดง 3 อารยธรรมดั้งเดิมหลักในดินแดนเม็กซิโก ก่อนการเข้ามาของสเปน นั่นก็คือ Teotihuacan  Aztec และ Maya

Teotihuacan 
เป็นเมืองที่เฟื่องฟูในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1-7 ตั้งอยู่ประมาณ 48 กม. ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเม็กซิโก  ปัจจุบันเป็นสถานที่ทางโบราณคดีและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเม็กซิโก มีสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ที่เป็นรู้จักกันดี คือ พิระมิดพระอาทิตย์และพิระมิดพระจันทร์ โดยในพิพิธภัณฑ์ฯ เค้าได้มีการจำลองเมือง Teotihuacan มาไว้ในสวนข้างๆพิพิธภัณฑ์ด้วย
  (สำหรับรูปสถานที่จริง คลิ้กลิงค์นี้ได้เลยจ้า  http://en.wikipedia.org/wiki/Teotihuacan)

พิระมิดพระอาทิตย์ถือเป็นพิระมิดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากพิระมิด Giza ของอียิปต์ และพีระมิด Cholula ซึ่งอยู่ในเม็กซิโกเหมือนกัน  แปลกที่อยู่กันไกลโพ้น ระหว่างแอฟริกากับอเมริกา แต่มนุษย์ก็มีจินตนาการคล้ายๆ กันและมีแรงศรัทธาสูงส่งเหมือนกันที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์เช่นนี้สำหรับพระเจ้าหรือกษัตริย์ซึ่งก็มักได้รับการเคารพบูชาเปรียบเสมือนพระเจ้า จริงๆ แล้ว ถ้าดูสิ่งก่อสร้างมหัศจรรย์ต่างๆ ในโลก หรือสิ่งก่อสร้างทางศาสนาของเกือบทุกศาสนา ก็มักจะมีลักษณะคล้ายกันคือสร้างในทรงทยานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นพีระมิด ปราสาทนครวัด วัด โบสถ์ ดูเสมือนว่ามนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์และทุกยุคทุกสมัยต่างมองหาที่พึ่งที่มองไม่เห็น อยากเอื้อมให้ถึงขอบฟ้าที่กว้างใหญ่และสวยงามเบื้องบน ... ความฝันและศรัทธาอันแรงกล้าคือพลังสำคัญที่ทำให้มนุษย์ตัวเล็กๆ สร้างสิ่งอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ได้เสมอ...

ทำไมต้องชื่อ Pyramid of the Sun และ Pyramid of the Moon ยิ่งอ่านคำอธิบายต่างๆ ก็ยิ่งงง เว็บไซต์นึงบอกว่าเป็นชื่อที่ชาว Aztec ที่มาค้นพบพิระมิดทีหลังตั้งชื่อให้ แต่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วคนเมือง Teotihuacan เรียกว่าอะไร อีกเว็บไซต์บอกเป็นเพราะ Pyramid of the Sun ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่พระอาทิตย์จะอยู่ตรงบนศรีษะพอดีเวลาเที่ยง พิระมิดนี้สร้างไว้เพื่ออะไร ก็ดูเหมือนจะงงๆ กันว่า สร้างเพื่อบูชาพระเจ้า หรือสร้างเพื่อเป็นหลุมฝังศพของบุคคลสำคัญ อีกแหล่งก็บอกว่า ตำแหน่งที่ Pyramid of the Sun ตั้งอยู่ ข้างใต้เป็นถ้ำซึ่งคนสมัยโบราณเชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสรรพสิ่งในโลก

แต่ที่แน่ๆ คือ สถานที่นี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ปัจจุบันหลายคนเชื่อว่ามีพลังพิเศษ นักท่องเที่ยวไทยที่มาเม็กซิโกก็มักนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวที่สถานที่นี้ และยอมออกแรงเหนื่อยปีนขึ้นสู่ยอดของพีระมิดเพื่อรับพลังจากเบื้องบน


ภาพนี้คือ พระเจ้าพระอาทิตย์ (The Sun God) แลบลิ้น แสดงความกระหายเลือดมนุษย์
ทำไมในอดีต มนุษย์เกือบทุกเผ่าพันธ์ (อีกแล้ว... ยังดีที่ไม่ใช่ทุกยุคทุกสมัยด้วย เพราะสมัยนี้ แทบไม่มีแล้ว) มักมีความเชื่อว่าต้องสังเวยชีวิตมนุษย์ด้วยกันเพื่อถวายบูชาแด่พระเจ้า มีหลายคำอธิบาย บ้างก็บอกว่า เป็นเหตุผลทางศาสนา เพราะมนุษย์เชื่อว่าจะต้องสังเวยชีวิต เพื่อเอาใจพระเจ้าที่จะช่วยปกป้องดูแลมนุษย์ต่อไป เหมือนทุกสรรพสิ่งในโลกที่จะต้องตายเพื่อเกิดใหม่ แต่ทำไมการตายโดยธรรมชาติไม่เพียงพอหรือ โชคดีที่ต่อมา ดูเหมือนศาสนายุคใหม่ จะมีแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงไปในเรื่องนี้  คำอธิบายอื่น ก็บอกว่า ผู้ปกครองใช้พิธีสังเวยชีวิตมนุษย์นี้เพื่อทำให้ผู้อยู่ใต้ปกครองเกรงกลัว หรือเพราะจำนวนประชากรมากไปแล้ว เลยต้องหาวิธีลดจำนวนประชากร ...ขนาดนั้นเลยหรือ....

Quetzalcoatl พระเจ้า "งูขนนก" (Feathered Serpent)

ตอนแรกแปลว่า พระเจ้างูขน แต่ฟังแล้วแทม่งๆ เลยคิดว่าเติมคำว่า "นก" เข้าไปหน่อยดีกว่า ฟังดูดีขึ้นนิดนึง แต่ถ้าใครมีคำแปลที่เพราะกว่านี้ ช่วยบอกมาด้วยนะคะ


ภาพแรกเป็นรูปภาพ "งูขนนก" ของจริงที่ Teotihuacan ส่วนรูปที่สองเป็นผนังจำลองของวัด "งูขนนก" (Feathered Serpent Temple) ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ฯ ชอบที่พิพิธภัณฑ์เค้ามีวิธีการจัดแสดงหลายรูปแบบมาก มีทั้งการจำลองสถานที่ ทั้งภายในพิพิธภํณฑ์เอง และในสวนข้างๆ มีห้องฉายวิดีโอหลบอยู่หลังผนังวัด "งูขนนก" นี้ มีการใช้เทคนิคแสงสีเสียงดิจิตอลต่างๆ ที่ทำให้การเดินชมพิพิธภัณฑ์เพลิดเพลินมาก

กลับมาเข้าเรื่อง "งูขนนก" ต่อ  ทางทิศใต้ของ Teotihuacan จะเป็นที่ตั้งของวัด "งูขนนก" (Temple of Feathered Serpent) แสดงให้เห็นความสำคัญของพระเจ้าองค์นี้ในยุคของ Teotihuacan และยุคต่อๆ มา ทั้งในอารยธรรม Aztec และ Maya มีหลายคำอธิบายอีกแล้วว่า งูขนนก คือ พระเจ้าอะไร แต่คำอธิบายที่ชอบที่สุด คือ ที่บอกว่า งูขนนก เป็นเสมือนผู้เชื่อมพรมแดนระหว่างโลกมนุษย์กับสรวงสวรรค์ เนื่องจากงูเป็นสัตว์บนโลก แต่พอมีขนนกก็จะสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้าสวรรค์เบื้องบนได้ และเป็นพระเจ้าผู้สร้างมนุษยชาตินั่นเอง

อีกครั้นหนึ่งแล้ว ที่จะสังเกตได้ถึงความเชื่อที่ดูเหมือนจะเป็นสากลในหลายอารยธรรมโบราณ คือ งูขนนก ดูไปดูมาก็คล้ายๆ กับมังกรของชาวตะวันออก งูเป็นสัตว์ที่มักจะได้รับการเคารพบูชาในอารยธรรมต่างๆ อาจจะเป็นเพราะความน่าเกรงขามของมัน และมนุษย์ก็มักหาวิธีแต่งเติมจินตนาการเข้าไปทำให้งูสามารถบินขึ้นสู่สวรรค์ได้ อย่างเช่น งูขนนกหรือมังกร  หรือให้งูดำน้ำสู่โลกบาดาลซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งกำหนดของมนุษย์เหมือนกัน อย่างเช่น พญานาค ....

คราวหน้า เราจะมาต่อเรื่องอารยธรรม Aztec กัน :)....

No comments:

Post a Comment